แน่นอนว่าการแข่งขัน Premier League ฤดูกาล 2022/23 นั้นได้บทสรุปของแชมป์ไปตั่งแต่การแข่งขันนัดที่ 36 แล้ว ซึ่งในปีนี้ก็ยังเป็นของเจ้าเก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่นำทีมมาโดยกุนซือสมองใสอย่าง เป๊ก กวาร์ดิโอล่า ควบกับตำแหน่งศูนย์หน้าจอมยิงประตูที่ทำลายไปแล้วทุกสถิติในพรีเมียร์ลีกอย่าง เออลิ่ง เบร้าน์ ฮาลันด์ และเป็นที่น่าเสียดายสำหรับทัพปืนใหญ่อาร์เซน่อลที่พวกเขาเป็นจ่าฝูงมาตลอดฤดูกาล แต่ก็มาสะดุดช่วงท้ายทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นแซงคว้าแชมป์ไปครอง และวันนี้เราจะมาสรุปประเด็นทั้งหมดกันว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้างในฤดูกาลนี้
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองอีกหนึ่งสมัยได้สำเร็จ แต่ทั้งนี้พื้นที่ยุโรปก็เป็นสิ่งที่ลุ้นกันอย่างดุเดือดเช่นกัน โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาร์เซน่อล นิวคาสเซิ่ล ที่ปีนี้ฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่องได้ไปเล่นถ้วยยุโรปในรอบ 10 ปี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พวกเขากลับมาเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง แต่ที่น่าเสียเลยก็คงจะเป็นลิเวอร์พูล ที่พวกเขานั้นเร่งเรื่องขึ้นมาในช่วงท้ายฤดูกาล จนเกือบจะได้ไปเล่นยูฟ่า แชมปเปี้ยนส์ลีก แล้วแต่ก็ไม่ทัน ต้องลงไปเล่นถ้วยูโรปา ลีกร่วมกับไบรท์ตันทีมน้องให่มในเวทียุโรปที่ฟอร์มในลีกพวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก สามารถเอาชนะทีมอย่างอาร์เซน่อล ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งไปและกลับได้
โดยในปีนี้ก็มีผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงอยู่หลายคนด้วยกัน คนแรกมาเริ่มกันที่นักเตะที่เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาอย่างมากให้กับพรีเมียร์ลีกนั่นก็คือ เออลิ่ง เบร้า ฮาลันด์ ที่เจ้าตัวระเบิดฟอร์ม ซัดไปแล้ว 36 ประตูในพรีเมียร์ลีกและ 52 ประตูรวมทุกรายการ เรียกได้ว่าปีนี้ซิตี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นก็เพราะเขาเลย บวกกับการประสานงานกันกับ เควิน เดอร์ บรอยด์ ด้วยแล้วทำให้กองหลังของแต่ละทีมนั้นหยุดยากอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดียวที่มีคู่หูประสานงานกันอย่างลงตัว เพราะเราต้องข้ามฝากไปที่รองแชมป์อย่างอาร์เซน่อลกันบ้างที่พวกเขานั้นก็มีทีเด็ดเช่นกันในฤดูกาลนี้ อย่างเจ้าหนูบูกาโย่ ซาก้าที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงจนทัพปืนใหญ่ต้องจับต่อสัญญาฉบับใหม่กันเลยทีเดียว ซึ่งเขาก็มาพร้อมคู่หูอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ในฤดูกาลนี้สวมปลอกแขนกัปตันทีมและก็มีฟอร์มอันร้อนแรงเช่นกัน ส่วนอีกทีมที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้อย่าง นิวคาสเซิ่ล ที่ได้เอ็ดดี้ ฮาวมาคุมทีมตั่งแต่ต้นฤดูกาล บวกกับนักเตะที่โคตรจะคุ้มค่าอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่มีส่วนอย่างมากช่วยให้ทีมได้เล่นยูฟ่า แชมปเปี้ยนส์ลีก และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ เอริก เทน ฮาค เข้ามาคุมทีมและกลายเป็นว่าเขาเป็นผู้ที่ปลุกยูไนเต็ดให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้าน ลิเวอร์พูล ก็ไม่น้อยหน้าในฤดูกาลนี้พวกเขาก็ได้กองหน้าคนใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซและโคดี้ กักโป มาร่วมทีม แต่พวกเขาก็กำลังจะเสียโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ไป และอีกหนึ่งทีมที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้เลยอย่างไบรท์ตันที่พวกเขานั้นฟอร์มจัดจ้านอย่างมาก ผู้คนถึงกับขนานนามว่า บาร์เซโลน่าแห่งอังกฤษ ทีได้นักเตะที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงอย่าง มิโตมะ เลือดซามูไรหนุ่มมาวาดลวดลายบนสนาม
ที่น่าสนใจเลยในปีนี้คือโซนตกชั้นที่พวกเขาต้องสู้กันถึงนัดสุดท้ายซึ่งแน่นอนว่า เซาแธมป์ตัน พวกเขาเป็นทีมแรกที่ต้องลงไปเล่น เดอะแชมเปี้ยนชิพ ทั้งนี้ก็ยังมีอีกสามทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน ลีดส์ ยูไนเต็ดและเลสเตอร์ ซิตี้ ที่พวกเขายังคงต้องลุ้นกันต่อ ทั้งนี้ภาษีของเอฟเวอร์ตันดูเหมือนจะดีที่สุด ขอเพียงแค่พวกเขาสามารถเสมอหรือชนะได้ ก็จะทำให้อีก 2 ทีมตกชั้นทันที ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็เป็น เลสเตอร์ ซิตี้และลีดส์ ยูไนเต็ด ที่พวกเขาต้องลงไปเล่นยังแชมเปี้ยนชิฟ ส่วนทีมน้องใหม่เราก็ได้ครบแล้ว 3 ทีมได้แก่ เบิร์นลี่ย์ เชฟฟิล ยูไนเต็ด และ ลูตัน ทาวน์